ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS

อาหารที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและล้างพิษ



หอมหัวใหญ่

เนื่องจากหอมหัวใหญ่มีวิตามินบี 1 ซึ่งช่วยในการเผาผลาญอาหาร และยังช่วยขับสารพิษในร่างกายออกมาทางปัสสาวะอีกด้วยค่ะ

น้ำส้มสายชูหมัก

มีสรรพคุณช่วยลดคลอเลสเตอรอลที่ไม่ดี และยังช่วยเพิ่มปริมาณคลอเลสเตอรอลตัวที่ดีอีกด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังกระตุ้นการเผาผลาญไตรกลีเซอไรด์ที่สะสมใต้ผิวหนังอีกด้วยค่ะ

มะนาว

เปลือกมะนาวมีสารที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต เพียงแค่ดมกลิ่นก็ช่วยได้แล้วค่ะ ลองฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆ แล้วใส่ลงน้ำอุ่นดื่ม ก้จะช่วยให้ได้ผลเร้วยิ่งขึ้นค่ะ

ขิง

ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ขับเหงื่อ แก้ภาวะตัวเย็น เพิ่มอุณหภูมิในร่างกาย เพิ่มการเผาผลาญด้วยค่ะ ดื่มน้ำขิงร้อนๆ เป็นประจำก็ช่วยได้นะคะ หรือจะทานอาหารที่มีขิงประกอบก็ยิ่งดีค่ะ

กระเทียม

นอกจากจะช่วยขับสารพิษและเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคแล้ว กระเทียมยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันและน้ำตาลในร่างกาย ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็ก

มะเขือเทศ

เป็นผักที่มีแคลอรี่ต่ำ เส้นใยสูง ทานแล้วรู้สึกอิ่มเร้ว ทำให้ทานอาหารได้น้อยลง ลองทานมะเขือเทศร่วมกับน้ำอุ่นจะช่วยได้มากค่ะ

งา

มีแร่ธาตุต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะวิตามินซี และแร่ธาตุที่ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ กินร่วมกับน้ำอุ่นจะช่วยลดน้ำหนักได้ค่ะ

แตงโม

เผ็นผลไม้ที่ช่วยดับกระหายเวลาเหนื่อยได้ดีแล้วยังมีคุณสมบัติช่วยขับปัสสาวะ และยังแก้ท้องผูก เลือดหมุนเวียนไม่สะดวก และอาการบวมน้ำได้อีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังช่วยล้างพิษลำไส้และในช่องท้อง เหมาะกับการลดน้ำหนักอย่างยิ่งค่ะ

เห็ด

นอกจากเห็ดจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ป้องกันมะเร็งแล้ว ยังมีเส้นใยอาหารที่ช่วยขจัดสารพิษในร่างกายอีกด้วยค่ะ

มะเขือม่วง

มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง บำรุงหลอดเลือดแล้ว ยังช่วยดูดซับไขมันและของเสียในกระแสเลือด ยับยั้งไม่ให้คลอเลสเตอรอลสุงขึ้น ปรับสมดุลไขมันในร่างกายเรา และยังแก้ท้องผูกได้อีกด้วยค่ะ

แอปเปิ้ล

ช่วยขับปัสสาวะ ป้องกันท้องผูก กระตุ้นการเคลื่อนตัวของลำไส้ ขจัดอาหารที่หมักหมมตกค้างในลำไส้ ซึ่งเป้นสาเหตุที่ทำให้ระบบทางเดินอาหารผิดปกติ

ส้ม

นอกจากสรรพคุณที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าส้มมีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันท้องผูกแล้ว เปลือกส้มยังมีสรรพคุณในการย่อยไขมันด้วยนะคะ ลองนำเปลือกส้มตากแห้งมาต้มชาดื่ม จะช่วยลดน้ำหนักและช่วยให้ผิวสวยได้ด้วยค่ะ

ผักกาดขาว

อุดมไปด้วยเส้นใยและแคลเซียม ทานมากๆ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ป้องกันท้องผูกและมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วยค่ะ

พริก

มีสรรพคุณในการกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ซึ่งช่วยให้น้ำหนักลดลงนันเองค่ะ

พริกหวาน

มีวิตามินบีสุงกว่ามะเขือเทศ และมีวิตามินซีสูงกว่ามะนาวอีก การกินพริกหวานมากๆ จะช่วยกระตุนการเผาผลาญไขมัน ลดคลอเลสเตอรอลในเลือด ฯลฯ

ถั่วแดง

มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก และยังช่วยในการกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญน้ำตาล ช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำ ขับความชื้น แก้ท้องผูก และล้างพิษได้อีกด้วยค่ะ เหมาะกับการลดน้ำหนักมากๆ

ฟักทอง

อุดมด้วยแป้งและน้ำตาลและวิตามินและเกลือแร่จำนวนมาก กินฟักทองช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน จึงช่วยลดการทานอาหารให้น้อยลง ทั้งยังช่วยขจัดสารพิษที่ตกค้างในร่างกายอีกด้วย

แหล่งที่มา : www.teenee.com

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

การบริหารกล้ามเนื้อตา




การบริหารกล้ามเนื้อตา เป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อตา เพื่อช่วยลดความตึงเครียดของดวงตา อาการเพลียตา หรือ ปวดตา เนื่องจากการใช้สายตามาก โดยมีวิธีปฏิบัติดังนี้
       กรอกตาขึ้น-ลงช้าๆ 6 ครั้ง :
      โดยเหลือบตาขึ้นสูงสุดและลงต่ำสุด ในระหว่างการบริหารอย่างเกร็งลูกตา

      กลอกตาไปข้างขวาและซ้ายสลับกัน : 
     โดยกลอกตาไปให้ขวาสุด และซ้ายสุด ทำซ้ำ 2 - 3 ครั้ง

      ชูนิ้วชี้ขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตา :
      ห่าง จากสายตาประมาณ 8 นิ้ว แล้วจองมองไปที่ระยะไกลๆ ประมาณ 10 ฟุต สลับกับใช้ตามองระยะใกล้ที่นิ้งมือ ใช้เวลามองแต่ละที่ประมาณ 2 - 3 วินาที ทำสลับไปมาเช่นนี้ประมาณ 10 ครั้ง แล้วหยุดพัก 1 วินาที ทำประมาณ 2 - 3 รอบ

      กลอกตาเป็นวงกลมช้าๆ :
      โดยเริ่มกลอกตาตามเข้มนาฬิกาก่อน แล้วกลอกตาทวนเข็มนาฬิกา ทำประมาณ 10 ครั้ง แล้วหยุดพัก 1 วินาที ทำ ประมาณ 2 - 3 รอบ

แหล่งที่มา : www.teenee.com

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ความเข้าใจผิดกับการดูแลผิวหน้าฝน


คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดูแลตัวเองในฤดูฝน เพราะคิดว่าอากาศสบาย ๆ ในวันฟ้าครึ้มฝนตก อาจไม่ได้ส่งผลร้ายต่อสุขภาพผิว สุขภาพกายของตนเอง ความเข้าใจผิดเหล่านี้อาจทำให้ฤดูฝนที่แสนสบาย เป็นฤดูสะสมความร่วงโรยแห่งผิวและสุขภาพโดยไม่รู้ตัวได้ อาวียองซ์ อะคาเดมี โดย ภก. ดร. พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความรู้ผลิตภัณฑ์ระดับนานาชาติ จะมาไขความกระจ่างว่าเพราะอะไร เราจึงยังควรต้องดูแลผิวพรรณในช่วงหน้าฝน
ภก. ดร. พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ แห่ง อาวียองซ์ อะคาเดมี เล่าว่า อากาศที่ขมุกขมัว ครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ หลายคนเข้าใจผิดว่าไม่จำเป็นต้องระวังภัยจากแสงแดด ไม่ต้องทากันแดดก็ได้ อันที่จริงแล้วแม้ไม่มีแสงแดดเลย แต่ในช่วงกลางวันก็ยังคงมีรังสียูวีเอ ที่มองไม่เห็นซึ่งเข้าทำร้ายผิวชั้นลึกให้มีปัญหาริ้วรอยแก่ก่อนวัยอยู่ดี ดังนั้นหากละเลย ไม่ทาโลชั่นกันแดดในวันใด ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้ผิวได้สะสมริ้วรอยลึกก่อนวัยมากขึ้นในวันนั้น
แนะนำว่าต้องทาโลชั่นกันแดดที่ปกป้องครอบคลุมทั้งรังสียูวีเอ ยูวีบี และ อนุมูลอิสระทุกเช้าก่อนการแต่งหน้า โดยควรเลือกสูตรกันน้ำ ที่ไม่เหนอะหนะ เผื่อต้องลุยฝนก็ยังมั่นใจว่าผิวยังได้รับการปกป้องอย่างต่อเนื่อง  และยิ่งสภาพอากาศร้อนชื้นในฤดูฝนจะทำให้ผิวสะสมความมัน ความสกปรกจากเหงื่อฝุ่นละออง สาว ๆ ที่ต้องแต่งหน้าไปทำงานด้วยรองพื้นเนื้อหนา จึงควรงด ใช้เครื่องสำอางเดิม ๆ ก็ได้ เพราะอาจยิ่งทำให้ผิวเหนอะหนะและเสี่ยงเกิดสิวได้ง่าย แต่ควรเปลี่ยนมาใช้ครีมรองพื้นชนิดเนื้อทิ้นท์ Tinted Foundation ที่เนื้อบางเบากว่าไม่หนาเหนอะหนะ โดยเลือกสูตรที่ให้เม็ดสีเข้มข้นเพียงพอที่จะปกปิดให้ผิวดูเป็นธรรมชาติ ตามด้วยแป้งฝุ่นเนื้อบางเบาจะช่วยซับความมันได้ อย่าลืมเลือกใช้มาสคาร่าและอายไลน์เนอร์ชนิดกันน้ำติดทนไว้ก่อน ตาจะได้ไม่เลอะเป็นหมีแพนด้าถ้ามีเหตุให้ต้องลุยฝน
อากาศที่ร้อนชื้นเช่นนี้ ความสกปรกและคราบเครื่องสำอางหมักหมมอุดตันในรูขุมขนได้ง่ายขึ้นแต่สาว ๆ ยังคง ล้างหน้าเหมือนเดิมก็ได้ แต่หากต้องการป้องกันปัญหาผิวหมองคล้ำสะสมและสิวอักเสบ ทุกเย็นสาว ๆ ควรใส่ใจการทำความสะอาดผิวให้หมดจดจริง ๆ ด้วยการใช้ เคล็นซิ่งมิลค์ เช็ดคราบเครื่องสำอางให้หมดจดก่อนการล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าอีกครั้งอย่างเบามือ และอย่าลืมบำรุงผิวก่อนนอนด้วยครีมที่เหมาะกับประเภทผิว
นอกจากนี้ควรขัดสครับผิวเพื่อขจัดสิ่งอุดตัน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ด้วย แถมยิ่งอากาศแปรปรวนในฤดูฝนทำให้คนป่วยง่ายขึ้น คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการ กินแค่วิตามินซีก็พอ ในปริมาณสูง ๆ เพียงอย่างเดียวจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยในฤดูฝน อันที่จริงร่างกายต้องการมากกว่าแค่วิตามินซี ถ้าไม่แน่ใจว่าสามารถกินอาหารได้ครบห้าหมู่ได้วิตามินเกลือแร่ครบถ้วนทุกวันแนะนำว่าควรหาอาหารเสริมที่มีทั้งวิตามินและเกลือแร่รวมหลากหลายชนิดในเม็ดเดียวกันมารับประทานเสริมวันละเม็ด ร่วมกับการออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอจะดีกว่า
สุดท้ายสาว ๆ มักคิดว่าฝนตก ร่างกายไม่ค่อยมีเหงื่อออก ไม่ต้องดื่มน้ำมากหรอก เพราะไม่หิวน้ำบ่อยก็เลยไม่ดื่มน้ำสม่ำเสมอ อันที่จริงน้ำระเหยสูญเสียออกจากร่างกายตลอดเวลา หากไม่ดื่มน้ำบ่อย ๆ ก็เสี่ยงที่เซลล์จะขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว ร่างกายทำงานแปรปรวนป่วยง่าย ผิวแห้งเกิดริ้วรอยง่าย จึงจำเป็นต้องเติมน้ำให้กับร่างกายอย่างเพียงพอ วันละ 8-10 แก้ว โดยจิบสม่ำเสมอทั้งวัน
อย่ามองข้ามว่าเป็นเพียงแค่หน้าฝน แต่การดูแลตัวเอง เพื่อให้มีผิวพรรณสวยงามนั้น ยังต้องปฏิบัตรอย่างสม่ำเสมอ

แหล่งที่มา : www.teenee.com

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

แหล่งเรียนรู้



ประวัติเสาดินนาน้อย
เสาดินนาน้อย หรือ ฮ่อมจ๊อม สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ก่อนที่จะมีชื่อเรียกเสาดิน คนโบราณหรือผู้เฒ่าผู้แก่หลายชั่วอายุคน ต่างก็เรียกชื่อสถานที่แห่งนี้ไปต่าง ๆ นานา บางคนเรียก "เด่นปู่เขียว" บางคนก็เรียก "เด่นอีบด" ที่เขาเรียกชื่อนี้เพราะช่วงที่ดินเริ่มถูกน้ำกัดเซาะพังทลาย ก็มีคนชื่อปู่เขียว หรืออีบด ไปนั่งใกล้กับที่ดินพังทลายก็เลยถูกดินถล่มลงมาถมตาย ผู้คนจึงเรียกติดปาก ต่อมาถูกน้ำกัดเซาะลงมาเรื่อย ๆ นานเข้าจึงเกิดเป็นเสาดิน ต่อมาจากนั้นชื่อเด่นปู่เขียว หรือเด่นอีบด จึงเริ่มหายไป "เสาดิน" จึงกลายเป็นชื่อที่เรียกกันติดปากจนถึงทุกวันนี้
อภินิหารและความลี้ลับของเสาดินนาน้อย
จากการบอกเล่าของพ่อหนานบุญเถิง ปันติ หรือคนบ้านเชียงของ ท่านได้เล่าให้ฟังว่า เสาดินนาน้อยมีความศักดิ์สิทธิ์และความลี้ลับมากมาย ในสมัยที่ท่านยังเป็นเด็ก ท่านเล่าว่าในตอนกลางคืนเดือนมืดท่านเห็นดวงไฟดวงใหญ่ลอยมาจากบนฟ้าทางทิศตะวันออก และลอยอยู่เหนือบริเวณเสาดินทำให้บริเวณเสาดินสว่างสุกใส แล้วดวงไฟก็ค่อย ๆ เลือนหายไป ตอนเช้าตื่นขึ้นมารีบไปดูพบว่ามีรอยเท้าเด็กเล็ก ๆ เต็มไปหมด อภินิหารนี้จะเกิดปรากฏในเทศกาลสงกรานต์กัน หรือที่คนทางภาคเหนือเรียกกันว่า "ผีฟ้า" หรือ "ผีอีคล้อย"
ปัจจุบันเสาดินนาน้อย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ.น่าน อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน เสาดินนาน้อยเป็นสถานที่ศึกษาทางธรณีวิทยาที่สำคัญ ซึ่งเปรียบเสมือนห้องสมุดห้องใหญ่ที่เชิญชวนให้มาศึกษาค้นคว้าและช่วยกันอนุรักษ์ไว้เป็นสมบัติของชาติสืบไป 
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ ผ่านนครสวรรค์ พิษณุโลกถึงแพร่ จากแพร่ตามถนนยันตรกิจโกศล ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 ไปถึงอำเภอเวียงสา เลี้ยวขวาไปตามถนนเจ้าฟ้า ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1026 จากอำเภอเวียงสาไปอำเภอนาน้อย มีทางแยกไปตามเส้นทางหมายเลข 1083 ขับเข้ามาประมาณ 10 กว่า กม. จะพบป้ายให้ไปทางเสาดินนาน้อย เลี้ยวขวามาอีกประมาณ 10 กม. ก็จะถึงเสาดินนาน้อย

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS